เมนูหลัก

ทีมนำคุณภาพโรงพยาบาล

ดูแลรักษาหัวใจให้ปลอดภัยจากโรค

หัวใจเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายที่ทำงานโดยไม่มีวันหยุด หากหัวใจหยุดเต้น นั่นยอมหมายถึงการสิ้นสุดของชีวิตด้วยเช่นกัน ดังนั้นการดูแลหัวใจให้แข็งแรงจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

 

ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากรศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ หน่วยโรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของการดูแลหัวใจให้ปลอดภัยจากโรค

หน้าที่ของหัวใจ

หัวใจมีหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยทำงานไม่มีวันหยุด หากหัวใจไม่ทำงานร่างกายก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน

ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลให้เกิดปัญหากับหัวใจที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ได้แก่ การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารประเภทแป้ง อาหารที่มีรสหวานจัด อาหารที่มีไขมันสูง และขาดการออกกำลังกาย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อันมีผลต่อการเกิดโรคหัวใจตามมา

นอกจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น พันธุกรรมก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วยเช่นกัน โดยในผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจได้ และสำหรับโรคบางโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคลูปัส ก็จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคหัวใจได้มากขึ้นด้วย

โรคหัวใจที่พบได้บ่อยในประเทศไทย

ในประเทศไทย โรคหัวใจที่พบได้บ่อยคือโรคของหลอดเลือด ซึ่งหัวใจมีหน้าที่ในการปั้มเลือด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการเลือดไปเลี้ยงตัวเองผ่านทางหลอดเลือด 3 เส้น ซึ่งเมื่อมีการใช้งานไปนาน ๆ หลอดเลือดเหล่านี้ก็จะมีไขมันและหินปูนไปสะสม เกิดเป็นตะกรันและทำให้หลอดเลือดตีบได้ หากตระกรันนี้เกิดการปริแตกออก ก็จะทำให้ลิ่มเลือดอุดตัน และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันได้ นอกจากนั้นยังอาจก่อให้เกิดความทุพลภาพได้ด้วย

โรคหัวใจ ไม่ใช่โรคของผู้สูงอายุเท่านั้น

โรคหัวใจเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันสามารถพบโรคนี้ได้ในผู้ที่อายุน้อยลงกว่าเดิมมาก โดยพบผู้ป่วยในช่วงอายุ 30 – 40 ปีมากขึ้น ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับคนในช่วงวัยดังกล่าวต้องออกไปทำงานและมีโอกาสสัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ มากขึ้น เช่นผู้ขับรถแท็กซี่ ซึ่งมีเวลารับประทานอาหารน้อย และมักเลือกรับประทานอาหารประเภทแป้งและมีไขมันสูง ไม่ค่อยได้ออกกกำลังกาย และบางรายยังสูบบุหรี่ด้วย ปัจจุบันจึงพบว่าผู้ขับแท็กซี่เป็นโรคหัวใจกันมากขึ้น

โรคหัวใจ...เป็นแล้วหายได้หรือไม่?

ผู้ป่วยโรคหัวใจบางราย เมื่อได้รับการรักษาแล้วจะสามารถหายขาดจากโรคได้ แต่บางรายจะไม่หาย โดยคนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคหัวใจมักต้องรับประทานยาตลอดไป เพื่อลดโอกาสในการกลับเป็นซ้ำ

ปัจจุบันยาสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจได้เปลี่ยนบทบาทจากการรักษาโรคมาเป็นป้องกันโรค ซึ่งก็ได้ผลมากในการลดอุบัติการณ์การกลับมาเป็นซ้ำและอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ เพราะฉะนั้นการรับประทานยาจึงมีความจำเป็นสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ

การดูแลหัวใจ

สำหรับการวิธีการดูแลหัวใจที่ดีทั้งในส่วนของผู้ที่ป่วยเป็นโรคัวใจแล้ว ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงสูง และผู้ที่ยังไม่ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งได้แก่ หยุดสูบบุหรี่รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้ที่สูบบุหรี่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารอย่างพอเหมาะ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทแป้ง อาหารที่ที่มีรสหวานจัด อาหารที่มีไขมันสูง และสำหรับผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคหัวใจ รวมทั้งผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจสูงก็ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อตรวจคัดกรองหาโรคหัวใจด้วย

การออกกำลังกาย

สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเช่นกันว่าสามารถทำได้หรือไม่ และควรออกกำลังกายมากน้อยเพียงใด โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและคนปรกติออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3–4 ครั้ง ครั้งละ 30–40 นาที ซึ่งการเดินก็เป็นออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่ทำได้ง่าย โดยการเดินเพื่อออกกำลังกายที่เหมาะสมคือเดินครั้งละ 20 นาที สัปดาห์ละ 4 ครั้ง ซึ่งพบว่าการออกกำลังกายโดยการเดินที่เหมาะสมจะสามารถสามารถลดโอกาสในการเกิดโรคหัวใจในผู้ที่ยังไม่ได้เป็นโรคหัวใจหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้ ส่วนผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วก็มีโอกาสในเกิดการเจ็บป่วยซ้ำใหม่น้อยลง

  

       

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขุนยวม

นายแพทย์สุพัฒน์ ใจงาม

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขุนยวม

หนังสือราชการ Online

ศูนย์ข้อมูลข่าวสาร

กองทุนสมเด็จพระสังฆราช

ITA

Weblink